ครีเอเตอร์ต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่ง
เวลาที่มีคนปรึกษาว่าอยากทำเพจเฟซบุ๊ก ผมจะบอกอยู่เสมอว่าอยากทำอะไรก็ทำไป จะทำเพจเล่นมุกตลกขำขันหรือบอกเล่าสารทุกข์สุกดิบก็ทำได้เลย แต่ถ้าไม่เจ๋งจริงห้ามทำเพจให้ความรู้เชิงวิชาการเด็ดขาด
การสอนเนื้อหาสาระไม่ใช่แค่การถ่ายทอดความรู้ใหม่ที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้มาก่อน แต่เป็นการนำเสนอสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อ ค่านิยม รวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่อีกฝ่ายมีอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกหล่อหลอมเข้ากับ “ตัวตน” ของบุคคลนั้นๆ ดังนั้นในอีกแง่มุมหนึ่งการสอนก็ไม่ต่างอะไรจากการหักล้างตัวตนของอีกฝ่าย
การยอมรับว่าตัวเองไม่รู้เป็นสิ่งที่ยากที่สุดและใช้พลังงานทางความคิดสูงมาก หากปล่อยไว้โดยไม่จัดการอะไรเลยสิ่งเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังเชิงลบ กลายเป็นความอิจฉาริษยา ความน้อยเนื้อต่ำใจ หรือความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ (inadequacy) ด้วยเหตุนี้กลไกป้องกันตัวเองจึงทำงานและจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดอย่างเช่นการพุ่งเป้าโจมตีแหล่งข้อมูล ซึ่งก็คือแอดมินเพจที่ออกมาให้ความรู้นั่นเอง
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ทุกคนล้วนทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นแอดมินเพจมีมขำขันก็ไม่มีใครถือสาอะไร แต่ถ้าเป็นแอดมินเพจสายวิชาการที่เผลอสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ตามมาเมื่อทำผิดพลาดคือโดนรุมกระทืบรอบด้านจากคนที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณ คนที่เสียผลประโยชน์จากการที่คุณพูดความจริง คนที่พยายามใช้ตรรกวิบัติเพื่อทำให้คุณดูเหมือนคนโง่ และคนที่เกลียดคุณโดยไม่มีเหตุผล
ฉะนั้น การบอกเล่าสาระหรือถ่ายทอดความรู้ นอกจากความเชี่ยวชาญในหัวเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เพราะคนในโลกอินเทอร์เน็ตไม่ได้ใจดีและไม่เคยใจดีด้วย