ร้าน MK ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Thoughts

สัปดาห์ก่อนครอบครัวฝั่งญาติฉลองสอบติดมหา’ลัย ไม่รู้ว่าจะไปกินข้าวที่ไหน สุดท้ายเลือกร้านสุกี้ MK เพราะเป็นตัวเลือกที่ทุกคนพึงพอใจ

ผมไม่ได้เข้าร้านนี้มานานมากๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ MK กำลังสูญเสียมนต์ขลัง จากเดิมที่เวลาฉลองอะไรสักอย่างก็เลือก MK ก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนี้คงไม่ใช่ตัวเลือกในสายตาอีกต่อไป

ถ้าพูดถึงร้านอาหารหมวดสุกี้ ร้าน MK มีข้อได้เปรียบที่ร้านอื่นทำไม่ได้คือความผูกพันกับแบรนด์ ผมเคยกินมาตั้งแต่สิบปีที่แล้วสมัยที่ยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ มาวันนี้ก็ได้กินบะหมี่หยก เป็นย่าง ปอเปี๊ยะ เอ็มเคแซลม่อนเหมือนเดิม ทำให้นึกย้อนไปถึงกลิ่นอายและบรรยากาศแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตี๋น้อยหรือตี๋ใหญ่ก็ทำแบบนี้ไม่ได้

ร้านอาหารสมัยเด็กมีเป็นสิบร้าน สาเหตุที่ทำให้ MK ยังตราตรึงอยู่ในใจคือการบริการที่ดีเยี่ยม สมัยก่อนพนักงาน MK บริการดีมากเกินมาตรฐานเมื่อเทียบกับร้านอื่น คอยเติมน้ำชาฟรี ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าทั้งๆ ที่ไม่เก็บค่าเซอร์วิสชาร์จจนยินดีจ่ายทิปเพิ่มให้ทุกครั้ง

ปัจจุบัน MK กลับทำลายจุดแข็งของตัวเองด้วยการลดจำนวนพนักงานและติดตั้งแท็บเล็ตไว้ที่ข้างโต๊ะแทน ผมไม่ปฏิเสธว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องดีแต่เทคโนโลยีไม่ได้ตอบโจทย์เสมอไป ซ้ำร้ายยังสร้างปัญหาใหม่อีกด้วย รูปอาหารเล็กจนอาม่ามองไม่เห็น ใช้งานยาก ปรับแต่งอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง จะขอน้ำราดเพิ่มหรือสั่งไม่เอาแตงกวาก็ทำไม่ได้

การบีบบังคับทางอ้อมให้ลูกค้าสั่งผ่านแท็บเล็ตคือการทำลาย “ปฏิสัมพันธ์” ระหว่างพนักงานกับลูกค้า สุดท้ายพนักงานก็เป็นแค่คนยกอาหารและคนทำความสะอาดโต๊ะ ไม่ต่างจากร้านอาหารอื่นในท้องตลาดเลย

นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงเรื่องอื่นที่ทำลายประสบการณ์ที่ดี อย่างเช่นพื้นที่ระหว่างเก้าอี้กับโต๊ะที่แคบ คุณภาพอาหารดรอปลง น้ำจิ้มสุกี้ที่เปรี้ยวเกินไป หรือนโยบายบังคับให้ติดตั้งแอพบัตรสมาชิกที่งี่เง่าสิ้นดีในยุคที่ทุกคนสามารถแจ้งเบอร์โทรศัพท์เพื่อสะสมแต้มได้

ถ้าถามว่า MK ราคาแพงมั้ย มันก็ไม่ได้แพงอย่างที่ทุกคนบ่นหรอกถ้า MK รักษาความผูกพันธ์ของแบรนด์กับการบริการที่ดีไว้ได้ แต่พอลดพนักงานจนบริการไม่ทั่วถึง สุดท้าย MK ก็เป็นแค่ just another ร้านอาหารที่มีอยู่เกลื่อนกลาดทั่วเมืองจนทำให้เกิดความรู้สึก “ไม่คุ้มที่จะจ่าย” แม้แต่นิดเดียว